เข้าใจข้อดี ข้อเสียของ 6 วัสดุที่ใช้ในการผลิตยางกันกระแทก
ยางกันกระแทก (Rubber Bumper) คือ วัสดุที่มีบทบาทในการดูดซับแรงกระแทก ที่จะช่วยป้องกันความเสียหายจากการชน ลดการสั่นสะเทือน และ ช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ หรือ โครงสร้างต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญกับแรงภายนอกอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักรกล อาคาร หรือ อุปกรณ์ไฟฟ้า โดยวัสดุที่ใช้ผลิตยางกันกระแทกนั้นมีหลากหลายประเภท โดยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติ ความทนทาน และ ความคุ้มค่าที่แตกต่างกัน บทความนี้เราจะพาผู้อ่านไปทำความเข้าใจ และ เปรียบเทียบวัสดุยอดนิยมในการผลิตยางกันกระแทก ไม่ว่าจะเป็นยางธรรมชาติ ยางสังเคราะห์ ยาง EVA ยาง PVC ยาง PU รวมถึงวัสดุรีไซเคิล เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม และ คุ้มค่ามากที่สุด
ข้อดี ข้อเสียของวัสดุยางกันกระแทกว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
- ยางธรรมชาติ (Natural Rubber)
ยางกันกระแทกที่ผลิตจากยางธรรมชาตินั้นมีข้อดีที่ มีความยืดหยุ่นสูงมาก อีกทั้งยังสามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม จึงเหมาะกับงานที่ต้องการความนุ่ม และ ยืดหยุ่น เช่น พื้นกันลื่น หรือ กันกระแทกสำหรับเด็กแต่ก็มีข้อเสียที่ไม่สามารถทนต่อความร้อนสูง และ สารเคมีได้ และ ยังมีอายุการใช้งานสั้นเมื่อเทียบกับวัสดุสังเคราะห์อื่น ๆ ดังนั้น การใช้งานที่เหมาะสมจึงเหมาะกับการใช้ในพื้นที่ในร่ม และ งานเบา ๆ ที่ไม่ต้องสัมผัสกับสารเคมีหรือ น้ำมันมากนัก - ยางสังเคราะห์ (Synthetic Rubber)
ยางกันกระแทกที่ผลิตจากยางสังเคราะห์นั้นมีหลายประเภท เช่น NBR, EPDM, SBR เป็นต้น แต่ละชนิดมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป โดย- NBR (Nitrile Butadiene Rubber)
ยาง NBR นั้นมีคุณสมบัติที่ทนน้ำมัน และ สารเคมีได้ดี แต่ทนกับความร้อนได้ในระดับปานกลาง จึงเหมาะกับเครื่องจักร หรือ ยานยนต์ที่มีน้ำมันหล่อลื่นอยู่ด้วย - EPDM (Ethylene Propylene Diene Monomer)
วัสดุ EPDM นั้นมีคุณสมบัติที่นำไปใช้ผลิตยางกันกระแทกที่มีคุณสมบัติทน UV และ โอโซนได้ดีมาก จึงเหมาะกับงานกลางแจ้ง เช่น กันชนสนามกีฬา หรือ ที่จอดรถ เป็นต้น - SBR (Styrene-Butadiene Rubber)
วัสดุ SBR ในการทำยางกันกระแทก จะมีราคาถูกกว่าแถมมีความยืดหยุ่นดี แต่ก็ทนน้ำมันได้น้อย จึงเหมาะกับการใช้ทั่วไปในงานที่ไม่ได้สัมผัสกับน้ำมัน หรือ สารเคมีมากนัก ข้อดีรวมของยางสังเคราะห์ในการผลิตยางกันกระแทก สามารถปรับแต่งคุณสมบัติได้ตามความต้องการ และ มีความทนทานกว่ายางธรรมชาติ แต่ก็มีข้อเสียที่มีราคาสูงกว่ายางธรรมชาติ และ ในยางสังเคราะห์บางชนิดทนสารเคมี หรือ อุณหภูมิได้ไม่ดีเท่ากัน
- NBR (Nitrile Butadiene Rubber)
- ยาง PU (Polyurethane)
ยาง PU มีข้อดีคือ ทนต่อแรงกระแทกสูงมาก อีกทั้งยังทนการเสียดสีได้ดีเยี่ยม และ ยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ก็มีข้อเสียที่มีราคาสูง รวมถึงต้องผลิตด้วยกระบวนการเฉพาะอีกด้วย จึงเหมาะกับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม ในเครื่องจักรต่าง ๆ และ ใช้เป็นกันชนในระบบขนส่ง หรือ คลังสินค้า เป็นต้น - ยางรีไซเคิล
ยางรีไซเคิลนั้นมีข้อดีในการผลิตเป็นยางกันกระแทกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีราคาถูกที่สุดในกลุ่มวัสดุทั้งหมด และ เหมาะกับงานทั่วไปที่ไม่ต้องการคุณภาพสูง แต่ก็มีข้อเสียที่มีคุณสมบัติที่ไม่แน่นอน และ มีอายุการใช้งานสั้น จึงเหมาะกับการใช้งานตกแต่งภายนอกทั่วไป และ งานที่ไม่ต้องการความแม่นยำ และ ความทนทานสูงนั้นเอง
การเลือกวัสดุของ ยางกันกระแทกที่เหมาะสมนั้นควรพิจารณาจากลักษณะการใช้งาน งบประมาณ อายุการใช้งานที่ต้องการ รวมถึงสภาพแวดล้อมในการติดตั้ง หากเน้นความทนทาน และ อายุใช้งานที่ยาวนาน ยาง PU หรือ ยางสังเคราะห์อย่าง NBR/EPDM จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่หากต้องการวัสดุราคาประหยัด และ ใช้งานชั่วคราว ยางรีไซเคิลก็อาจเพียงพอแล้ว แต่สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเลือกอย่างไรก็อย่าลืมตรวจสอบมาตรฐานการผลิต เช่น ISO, REACH หรือ RoHS เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ และ ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ยางกันกระแทกที่คุณเลือกใช้ หากต้องการยางกันกระแทกที่ได้มาตรฐานนั้นเราขอแนะนำ บริษัท เอส พี พี อินดัสเตรียลรับเบอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตสินค้า ยางไดอะแฟรม ปะเก็นยาง ซีลยาง รีทอร์ท โอริง ยางแวคคัม ท่อยาง ยางกันกระแทก หล่อยางติดโลหะและพลาสติก ยางลูกกลิ้ง ยางเอ็กซ์ทรูชั่น ยางโพลียูริเธน และ งาน OEM ทุกประเภทของ RUBBER PRODUCT
สนใจสั่งซื้อยางกันกระแทกติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่
บริษัท เอส พี พี อินดัสเตรียลรับเบอร์ จำกัด
ที่อยู่: สำนักงานใหญ่ : 80/87 หมู่ 5 ต.อ้อมน้อย กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร 74130 ประเทศไทย
โทร: 02-8102317, 02-0249310
อีเมล: spp-contact@sppindus.com
Line ID: th15870, หรือ kimspp